
1. หารายได้เสริม
ถึงจะเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ได้เงินเดือนน้อย
แต่ถ้ามองหาช่องทางทำรายได้เสริมได้ ก็สามารถมีเงินเก็บ
ได้เป็นกอบเป็นกำเช่นเดียวกัน ลองมองหาช่องทางสร้างรายได้เสริม
ที่ตัวเองสามารถทำได้โดยไม่กระทบ กับงานหลักและนำรายได้เสริม
ที่ได้มาเก็บออมเพิ่มด้วย รับรองได้เลยว่าเป้าหมายในการเก็บเงินนั้นไม่มีไกลเกินเอื้อมแน่นอน
ซึ่งอาชีพเสริมที่มนุษย์เงินเดือนสามารถทำได้ก็มีหลากหลาย
เช่น ขายข้าวกล่อง ขายเสื้อผ้าออนไลน์หลังเลิกงาน
รับจ้างทำความสะอาดหรือทำงานพาร์ตไทม์ อยู่ที่ความถนัดของแต่ละคน
2. จดบันทึกทุกราย รับ-รายจ่าย เพื่อหารอยรั่ว
วิธีควบคุมค่าใช้จ่ายที่ได้ผลดีที่สุดก็คือ การทำบันทึก รายรับ-รายจ่าย
ไม่ว่าจะมีรายรับหรือรายจ่ายอะไร ก็ต้องจดลงในบันทึกเสมอ
เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าในแต่ละเดือน เราได้เงินมาเท่าไร และใช้จ่ายไปกับเรื่องอะไรบ้าง
ค่าใช้จ่ายไหนจำเป็น หรือเป็นค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยที่ทำให้เราเสียเงินทิ้งไปเปล่า ๆ
เมื่อเรารู้แล้วให้รีบอุดรอยรั่วตรงนั้น ด้วยการลดค่าใช้จ่าย
ที่ไม่จำเป็นลง ประหยัดในสิ่งที่ควรประหยัด ก็จะเปลี่ยนมาเป็นเงินออมได้ง่ายขึ้น
3. สร้างกฎเล็ก ๆ น้อย ๆ
การสร้างกฎเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการเก็บเงินก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง
ที่จะช่วยให้เราเก็บเงินได้มากขึ้น เช่น ทุกครั้งที่ได้ธนบัตรใบละ 50 บาท
ให้เก็บไว้ทันที เก็บเงินเพื่อออมเพิ่มอีก 20 เปอร์เซน จากค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยที่จ่ายไป
แบ่งเงินไว้เป็นถุง ๆ เพื่อใช้ในแต่ละวัน แต่ละวันเหลือ เศษเหรียญกี่บาท ให้หยอดกระปุกเก็บไว้ทั้งหมด
4. ตั้งเป้าหมายให้ตัวเอง
แม้ว่าจะมีเงินเดือนน้อย แต่ถ้าหากใช้การตั้งเป้าหมายร่วมด้วยในการออมเงิน
ก็จะช่วยให้คุณมีวินัยในการใช้เงินมากขึ้น โดยคุณอาจจะลองตั้งเป้าหมายให้ตัวเอง
มีเงินเก็บสะสมเท่านั้นเท่านี้ในเวลากี่ปี และใช้เป้าหมายนั้นผลักดันตนเอง
เช่น อยากมีเงินแสนภายใน 2 ปี อยากมีเงินล้านภายใน 10 ปี
อยากเก็บเงินไปเที่ยวต่างประเทศ ภายใน 3 ปี จะทำให้คุณมีกำลังใจ
ในการออม แต่อย่าให้กลายเป็นความกดดันจเกินไป
เพราะหากเกิดปัญหาเงินไม่พอใช้ขึ้นมา อาจทำให้แผนการออมเงินของคุณพังไม่เป็นท่าได้
5. แบ่งเงินออมทันทีที่ได้รับเงินเดือน
ถ้าหากคิดว่าในระหว่างเดือนอาจจะไม่สามารถเก็บเงินได้ แนะนำให้ออมก่อนใช้
โดยหักเงินเพื่อเก็บสะสมทันทีที่ได้รับเงินเดือน มาจะช่วยให้เราสามารถเก็บเงินได้
อย่างสม่ำเสมอทุกเดือน นอกจากนี้ยังควรตั้งกฎให้ตัวเองเอาไว้ด้วยว่า
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามห้ามนำเงินเหล่านี้มาใช้โดยเด็ดขาด ยกเว้นในกรณีฉุกเฉินจริง ๆ เท่านั้น
สำหรับตัวเลขที่เหมาะสมก็คือ อาจจะเริ่มแบ่งเงินไว้สำหรับออมสัก 10 เปอร์เซนของเงินเดือนก่อน
และเมื่อสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายตัวเองได้แล้ว ก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ไปเรื่อย ๆ เช่น 15 เปอร์เซน 20 เปอร์เซน
แต่ก็อย่าให้มากจนเบียดเบียนกับเงินที่ต้องใช้ในแต่ละเดือน เพราะถ้าหากเงินในแต่ละเดือนไม่พอใช้
สุดท้ายก็ต้องกลับมาหยิบเงินตรงนี้ไปใช้อยู่ดี วิธีเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณมีวินัยในการเก็บเงินมากขึ้น
แถมยังทำให้เรามองเห็นเงินออมได้ชัดเจนมากขึ้นอีกด้วย หรือลองเลือกวิธีเหล่านี้ไปใช้สักวิธีก็ได้
ขอบคุณ s o n g t o r k w a m r a k