
1.เริ่มทยอยปลดหนี้ให้หมดได้แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นค่าผ่อนรถ,ค่าบัตรเครดิต,หรือแม้แต่ ค่าผ่อนสินค้า 0% ต่างๆนั่นเพราะยิ่งปลดหนี้เร็วเท่าไหร่
เราก็สามารถนำเงินไปต่อยอดได้มากขึ้นเท่านั้นครับ และถ้ายังไม่แน่ใจว่าจะปลดหนี้ยังไงดี
แนะนำให้เริ่มจากดูว่า เรามีหนี้ทั้งหมดกี่ราย,จำนวนเงินที่เป็นหนี้ของแต่ละรายและอัตราดอกเบี้ย
จากนั้นให้จัดลำดับหนี้โดยให้หนี้ที่มีอัตราด อกเบี้ยสูงสุด อยู่ด้านบน
และเริ่มต้นปลดหนี้จากก้อนนั้นก่อน แล้วค่อยๆ ทยอยปิดหนี้ก้อนอื่นๆ ต่อไปจนหมดครับ
2.สร้างงบการเงินในแบบของตัวเองได้แล้ว
แม้เพื่อนๆจะหาเงินได้มาก แต่หากบริหารเงินไม่ดี
เงินที่ได้มาก็จะหายไปง่ายๆเรียกว่า..“รวยเดย์รวยกัน แค่วันสิ้นเดือน”
ดังนั้นสิ่งที่เพื่อนๆต้องให้ความสนใจ ในลำดับถัดมาคือการสร้างงบรายจ่าย
หากไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไงให้เริ่มต้นจากงบการเงิน50-30-20 ดู ครับ
(สิ่งจำเป็น,สิ่งอยากได้,ออมฉุกเฉิน)
3.คุณต้องมีเงินสำรองฉุกเฉินอย่างน้อย 6 เดือน
คิดจาก (รายจ่ายปกติต่อเดือน x 6เดือน=เงินสำรองฉุกเฉินที่ควรมี) เงินจำนวนนี้
จะช่วยให้เราสามารถ รับมือกับปัญหาด้านการเงิน ได้โดยไม่ต้องกู้ยืมเงินคนอื่น
เพราะการกู้ยืมเงินอาจจะทำให้เรากลับเข้าไปอยู่ในวงจรหนี้อีกครั้ง
4.วางแผนเกษียณหรือยัง
“แก่ไม่ว่า แต่อย่าแก่แบบไม่มีเงินครับ ”ที่บอกแบบนี้เพราะอยากให้วางแผน
เกษียณกันไวๆ ยิ่งวางเร็วยิ่งดี ดังนั้น การเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ ก็เพื่อผลประโยชน์ สำหรับเราเองครับไม่ต้องลำบากลูกหลาน
5. รู้ตัวเองก่อนว่ามีอะไร มากกว่ากันระหว่าง“ทรัพย์สิน”กับ“หนี้สิน”
หากว่าเพื่อนๆ มีรายได้เดือนนึง หลักหลายหมื่นแต่กลับมีรายจ่ายสูง พอๆกับรายรับ
สิ่งที่ควรใส่ใจอย่างแรกเลยคือลิสต์รายการของทรัพย์สิน เพื่อเปรียบเทียบกับหนี้สินที่มีทั้งหมดครับ
และถ้าหากมานั่งงงว่า..เฮ้ย เราก็มีสินทรัพย์เยอะนะ มือถือรุ่นใหม่ๆ,กล้องถ่ายรูปแพงๆ ฯลฯ
แต่ทำไม ยังจนอยู่ มีแต่หนี้สินคิดง่ายๆ เลยครับ มือถือ 1 เครื่อง ราคาประมาณ 25,000–30,000 บาท
แต่ราคาขายต่อมูลค่ามันหายไปแทบจะครึ่งนึงแล้วครับ แค่นี้ก็พอจะมองออกแล้วใช่มั้ยครับ
ว่าเพื่อนๆ ต้องเริ่มกลับมาวางแผนการเงินให้ตัวเองได้แล้ว เริ่มต้นง่ายๆ ที่เริ่มสะสมทรัพย์สิน ที่ก่อให้เกิดรายได้เช่นหุ้นกองทุนรวมเป็นต้น
6.บริหารความ เ สี่ ย ง ให้เป็น
การมีสติช่วยให้เราผ่านทุกปัญหาได้ เพราะสิ่งที่เราจะพูดต่อไปนี้คือเรื่องของความ เ สี่ ย ง ต่างๆ ที่เกิดขึ้น
ไม่ว่าคุณจะโสดหรือไม่ก็ตามความ เ สี่ ย ง ที่ควรพิจารณามี 3 ด้านคือ
6.1 ความ เ สี่ ย ง ด้านชีวิตและ สุ ข ภ า พ : เริ่มจากการคิดว่า
หากเรา เ จ็ บ ป่ ว ย หรือเกิดเหตุไม่คาดคิด ครอบครัวจะต้องลำบากเพราะขาดกำลังสำคัญรึเปล่า?
หากคำตอบคือใช่เราลองบริหารความ เ สี่ ย ง โดยการซื้อประกันดีมั้ย?
6.2 ความ เ สี่ ย ง ด้านทรัพย์สิน: นั่นก็คือหากเราหยุดทำงาน (ไม่ว่าจะลาออกหรือไม่อยากลาออกก็ตาม)
เรามีความพร้อมรึยัง? หากไม่มี สิ่งแรกที่ควรทำคือ สำรองเงินฉุกเฉิน ประมาณ 6 เดือนของรายจ่ายเอาไว้ก่อน
6.3 ความ เ สี่ ย ง ในการดำเนินชีวิต: เช่นหากวันหนึ่งเพื่อนๆ ขับรถ แล้วเกิด อุ บั ติ เ ห ตุ
เรามีประกันภัยรถยนต์รึเปล่า? ถ้าไม่มีจะซื้อมั้ย? ซื้อประกันแบบไหนดี?
7.ศึกษาเรื่องภาษีได้แล้ว
ยิ่งรายได้มากก็อย่าลืมว่า ภาษีต้องเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว เพราะถือเป็น ก ฎ ห ม า ย
ที่ทุกคนในชาติต้องปฏิบัติ ตามสิ่งที่เพื่อนๆ ควรศึกษาคือ ก ฎ ห ม า ย ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาษี
ไม่ว่าจะเป็นการลดหย่อน หรือการละเว้นใดๆก็ตาม เมื่อเราถึงวัย 30 ปี นอกจากชีวิตจะแข็งแกร่งขึ้นแล้ว
ยังมีแนวโน้มที่เราจะโฟกัสในสิ่งที่เราสนใจมากๆ จริงๆ และตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปได้มากกว่าเดิม
ขอบคุณ a o m m o n e y