
1.การวางแผนชีวิต
อีกสเตปที่ขยับขึ้นเปลี่ยนจากวัยเรียน เป็นวัยทำงานแน่นอนว่า มันต้องมีหลายอย่างทำให้เราโตขึ้น
ตามจะมาสนุกไปวัน ๆ อย่างเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว เพราะอย่างน้อยในตอนนี้ “คุณเป็นคน หาเงินเอง”
ควรมีสมุดโน้ต ประจำตัวสักเล่ม เพื่อจดคิวงาน และวางแผน รายรับ-รายจ่าย ชีวิตจะได้มีระเบียบขึ้น
จัดการอะไรได้ง่ายขึ้นหน่อยต่อให้คุณเป็นคนไม่ชอบจดก็จำเป็นต้องทำเพื่อตัวเองจริงๆนะ
2.ติดดินให้มากกว่าติดหรู
สังคมที่ทำงานก็เป็นสังคมอีกแบบที่ใกล้เคียงกับสังคมมหา’ลัยมีบ้างที่จะต้อง “เข้าสังคม”
เพื่อพูดคุยกับคนอื่นให้รู้เรื่องมากขึ้น แต่ที่ต่างกันก็คือ การเข้าสังคม ในวัยทำงาน
ค่อนข้างจะจริงจัง เพราะถือกันว่า ไหน ๆ ก็มีเงินเดือนเป็นของตัวเอง แล้วมันก็ต้องมีอะไรบ้าง
ที่ขยับฐานะตัวเองแต่ก็ใช่ว่าเราจะเลี่ยงไม่ได้ ตราบใดที่เรารู้ตัวเองดีว่ารายรับรายจ่ายส่วนตัว
เป็นอย่างไรก็ไม่จำเป็นต้องเข้า สังคมให้มาก เอาเพียงแค่หอมปากหอม คอนึกภาพรวมเอาไว้ว่า
“ยิ่งเก็บเงินเร็วยิ่งสบาย”กินใช้แบบพอตัวไป ก่อนงดเว้นอะไร ที่มันจะเป็นการต้องจ่ายเงินก้อนไป โดยใช่เหตุ
3.มองเห็นภาระการเงินเป็นหลัก
มนุษย์เงินเดือน หลายคนที่ประสบปัญหาเงิน ไม่พอใช้ส่วนหนึ่งนั่น ก็เพราะมีหนี้สิน เดิมอยู่
(เช่นหนี้กยศ.ภาระทางบ้าน) แล้วไปสร้างหนี้ใหม่ มาอีกก้อน (เช่นค่าบัตรเครดิต,ค่าผ่อนรถ,ค่าผ่อนเครื่องใช้ไฟฟ้า)
ถ้าไม่อยากประสบ ปัญหาชักหน้าไม่ ถึงหลังติดนิสัยการกู้ยืมไปทั่ว ควรคิดไว้เสมอว่
า “ตราบใดที่หนี้สินยังไม่หมด อย่าเพิ่งกินใช้แบบสบายตัว”
ควรมีวินัยในการเงิน ให้มากอดทนในการรับผิดชอบ เสียตั้งแต่เงินเดือนออกครั้งแรกเลย
ยิ่งดีภาระจะได้หมดเร็วขึ้นไม่มีอะไร ตกค้างมีเวลาไป ใช้ต่อยอดการเงินต่อไป อีกได้สบายมาก
4.แต่ก็อย่าเครียดจนเกินไป
ชีวิตของการเป็นมนุษย์เงินเดือน ไม่ใช่ชีวิตที่ผูกติด กับ การหักเงินเดือนไป
จ่ายหนี้สินแต่เพียงอย่างเดียว หลังจากแบ่งส่วนหนึ่ง ของเงินเดือนไว้ รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
รายเดือนและหนี้สินต่าง ๆ ก็ควรให้รางวัลชีวิต แต่ละเดือนให้กับตัวเองบ้าง
เพื่อเป็นการผ่อนคลาย สร้างแรงจูงใจให้กับตัวเอง เอาแค่เรื่องง่าย ๆ
อย่างไปดูหนัง ,ทานบุฟเฟต์,ซื้อหนังสือ ก็ได้ไม่ต้องเป็นเงินก้อนใหญ่มาก
เอาแค่พอให้รู้สึกมีความสุขมาหน่อยก็พอแล้ว
5. อะไรที่ ไม่จำเป็น-มีผลเสียมากกว่า ผลดีเลิกได้ก็ควรเลิก
เหล้าบุหรี่เครื่องดื่มชูกำลังอาหารขยะพยายามลดละเลิกให้ได้จริง อยู่ที่คุณมีเงินเดือแล้วจ
ะกินจะซื้อของพวกนี้ก็ไม่กระเทือนอะไรมาก แต่เชื่อเถอะว่าในวัย 30 ปี ขึ้นไป
สุขภาพคุณจะยิ่งลำบากกว่าเดิมแน่ หากคุณยังติดกับของพวกนี้อยู่
(ยิ่งเป็นพนักงานออฟฟิศ ที่ไม่ได้ขยับไปไหน ทำงานหนักยิ่งเสี่ยง)
คุณคงไม่อยากเห็นสภาพตัวเอง ที่ทำงานมาแทบ ต า ย
เพื่อจ่ายค่ารักษาเป็นหมื่นเป็นแสน แต่เพียงอย่างเดียว หรอกนะ ?
6.อย่าเพิ่งลาออก ถ้ายังไม่พัฒนาตัวเองให้มากพอ
อย่าหวั่นไหวไป กับกระแสสโลว์ไลฟ์ เป็นนายตัวเอง ดีกว่าเป็นลูกน้องคนอื่น
,รู้สึกไม่พอใจนิสัย ของบางคนในที่ทำงาน,ไม่พอใจ ในสิ่งแวดล้อม ที่ทำงานหรืออะไร
ก็ตามที่เป็นปัจจัยภายนอกเข้ามารบกวน ให้รู้สึกว่างาน ที่ทำอยู่ มันไม่โอเค
บางครั้งก็ต้องทบทวนตัวเอง ด้วยว่า “ทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว หรือยัง ? ”สังคมการทำงานเป็นธรรมดา
ที่จะต้องเจอเรื่องกดดันแข่งขัน จะให้มีแต่สิ่งดีได้เลื่อน ตำแหน่งใน 1-2 ปี ก็คงเร็วไปลองอดทนดูสักตั้ง
พยายามให้ถึงที่สุดเสียก่อน ถ้าสุดท้ายแล้วมันไม่โอเคจริง ๆคุณจะได้ไม่รู้สึกเสียดาย ที่ได้ลาออกเลยสักนิด
7. อ ย่ า ติ ด c o m f o r t z o n e ให้มาก
อยากเลื่อนตำแหน่ง อยากมีเงินเดือนที่เพิ่มขึ้น มันก็ต้องมีการแข่งขันกันสักหน่อย
อยากลาออกไป ที่แห่งใหม่ คุณก็ต้องแน่ใจว่า คุณเต็มที่กับที่เดิมมากพอแล้วและ ที่แห่งใหม่มีอะไรหลายอย่าง
ที่พอจะการันตีได้ว่า อนาคตคุณก้าวหน้า แน่นอน ไม่ว่าจะเลือกทางไหน
ก็ตามคุณต้อง “อัพเกรด” ตัวเองอย่างเต็มที่แล้วจริง ๆ และมีความชาญฉลาดมากพอ
ที่จะมองอะไร ได้รอบด้านมาก ๆ จริงอยู่ที่การเสี่ยงทำให้เกิดการเติบโต
แต่ถ้าเสี่ยงอย่างไร้ต้นทุนมันก็มี โอกาสสูง ที่คุณจะบาดเจ็บ หนักเช่นกัน
8.เห็นความสำคัญ ของคนในครอบครัวให้มาก
สุดท้ายแล้ว กำลังใจก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล นอกจากครอบครัว คนที่เรารักการทำงาน อาจจะพรากเวลาให้คุณมีเวลาส่วนตัวน้อยลง
แต่มันก็คงไม่มากจนถึงขนาดคุณ ไม่ติดต่ออะไร กับ พวกเขาเลย ถึงจะคุยน้อยลงหน่อย แต่ก็อย่าทำให้พวกเขารู้สึกถึง
ความห่างเหิน ลดความสำคัญลง มีโอกาสเมื่อไหร่ ขอให้เทคแคร์กัน ให้เต็มที่เพราะยิ่งเวลาผ่านไป
เรายิ่งไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น กับ ชีวิตในเมื่อชีวิตมันอยู่กับความไม่แน่นอน ตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องแข่งกับคนอื่น
ไม่จำเป็นต้องเป็นเหมือนคนอื่นชีวิต เรารู้ตัวเร็วเริ่มต้นสิ่งดี ๆ เร็วเมื่อไหร่โอกาสที่จะสบายยิ่งสูงขึ้น
จัดการในแต่ละสัดส่วนของชีวิต ให้เป็นแล้วคุณจะเห็น ความสุขที่ไม่ไกล
ขอบคุณ j e e b . m e